เกิร์ลลีเบอร์รี (อังกฤษ: Girly Berry) เป็นวงนักร้องไทยหญิงล้วน แห่งค่ายอาร์เอสโปรโมชั่น ซึ่งมีจำนวนกลุ่ม 4 คน คือ ปิยา พงศ์กุลภา (กิ๊ฟซ่า),วนิดา เติมธนาภรณ์ (กิ๊บซี่), ภัทรนันท์ ดีรัศมี (แนนนี่) และ มนัญญา ลิ่มเสถียร (เบลล์)
ก่อนจะมาเป็นเกิร์ลลี่เบอร์รี่นั้น เบลล์กับแนนนี่เคยออกอัลบั้มร่วมกันมาก่อนกับศิลปินอาร์เอส ในอัลบั้ม World หลังจากนั้นRS คิดจะทำโปรเจกต์เกิร์ลกรุ๊ป จึงนำเบลล์และแนนนี่มารวมตัวกับกิ๊ฟซ่าและกิ๊บซี่เป็น “เกิร์ลลี่เบอร์รี่” จนถึงปัจจุบัน เป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่ยังมีผลงานมาตลอดทุกๆปี จากวันนั้นถึงวันนี้รวมเป็นระยะเวลา 11 ปี ที่เกิร์ลลี่เบอร์รี่ค่อยสร้างผลงานสิ่งดีๆให้แก่แฟนคลับมาตลอดจนถึงทุกวันนี้และตลอดไป
พ.ศ. 2545 เปิดตัวด้วยสไตด์การแต่งตัว J – POP น่ารัก สดใส เหมาะกับวัย ทำให้เป็นที่จับตามองของผู้คนมากหน้าหลายตาและส่งเพลง ไม่เต้นไม่รักนะ และ เพลง รางวัลชมเชย ออกโปรโมท แต่การเปิดตัวครั้งนี้ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้คน ทำให้เกิร์ลลี่เบอร์รี่ต้องเก็บตัวซุ่มซ้อมเป็นระยะเวลานาน 1 ปี
พ.ศ. 2547 หลังจากเกิร์ลลี่เบอร์รี่ซุ่มซ้อมเก็บตัวเป็นระยะเวลา 1 ปี ก็มาพร้อมกับอัลบั้มชุดใหม่ พร้อมกับการเปลี่ยนสไตด์การแต่งตัวจากน่ารัก สดใส เป็นเซ็กซี่ ทำให้ผู้คนสนใจมากขึ้นในการปรากฏตัวครั้งนี้ พร้อมทั้งเพลงที่ออกออกมา 2 เพลง คือ ตุ๊มต่อม กับ เรื่องคืนนั้น เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาผู้คน ทำให้มีคนรู้จักเกิร์ลลี่เบอร์รี่มากขึ้น ด้วยการที่ผู้คนชื่นชอบเพลงมาก ทำให้เพลงทั้ง 2 เพลงนั้นขึ้นชาร์ตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้อาร์เอสสร้างโปรเจกต์พิเศษระหว่างเกิร์ลลี่เบอร์รี่และบี-มิกซ์ เพื่อสร้างกระแสความดังของพวกเธอขึ้นอีก
พ.ศ. 2548 อัลบั้มนี้ปรับสไตล์เพลง การแต่งตัว ดนตรี ให้เข้ากับยุคสมัย พร้อมนำข่าวปาปารัชซี่มาทำเป็นเพลงให้เกิดกระแสคำฮิตติดปากอย่าง Gossip พร้อมถ่ายเอ็มวีกลางถนน เพื่อตอกย้ำความแรงอย่างต่อเนื่อง แล้วจึงส่งเพลงช้า ซึ้ง ๆ ของคนแอบรักด้วยเพลง รักนะแต่งไม่แสดงออก ที่ถ่ายทอดอารมณ์ของคนแอบรักแต่ไม่กล้าบอกให้เขารู้ และเพลง เรียกแฟนไม่เต็มปาก
พ.ศ. 2549 กระแสตอบรับอย่างต่อเนื่องจากอัลบั้มชุดที่แล้ว มีการทัวร์คอนเสิร์ตตามจังหวัดต่างๆและรับงานอีเว้นที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้อัลบั้มชุดนี้มีระยะเวลาทำงานค่อนข้างเร่งรีบทำอัลบั้ม จึงส่งเพลง Reality และตามมาด้วยเพลง แฟนเก็บ มีสิ่งแปลกใหม่ที่เห็นได้ชัด คือ เสื้อผ้า จะออกแนวโชว์สัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมกับแฟชั่นผิวสีแทนภายใต้เสื้อผ้าที่เน้นสีทอง ส่วนเพลงนั้นจะเน้นเพลงช้า ให้เห็นถึงพัฒนาการร้องของพวกเธอ
พ.ศ. 2550 ครั้งนี้พวกเธอกลับมาทวงเกิร์ลกรุ๊ปอันดับ 1 ของเมืองไทย ด้วยการส่งเพลง Shake it ที่มีจังหวะสนุกชวนผู้คนขยับเนื้อขยับตัวต้องเต้นตาม พร้อมกับแฟชั่นสีสดใสที่กำลังมาแรงไม่ตกแทรนด์ แต่เพลงนี้ก็ต้องเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์แรงพอสมควรกับท่าเต้นสุดเซ็กซี่ ทำให้เกิร์ลลี่เบอร์รี่รีบส่งเพลง เชื่อดิ (ยังไม่มีแฟน) มากลบกระแสวิพากษ์วิจารณ์และก็ได้ผลดีเสียด้วย กระแสตอบรับเพลงนี้ดีมาก ด้วยเสื้อผ้า สีสันการแต่งตัวที่เน้นสดใส เนื้อหาเพลงที่น่ารัก สไตล์ดนตรีสนุกสนาน ทำให้แฟนคลับชอบเพลงนี้มาก จึงทำให้เกิดคำฮิตติดปากคำใหม่คือ เชื่อดิ (ยังไม่มีแฟน)
พ.ศ. 2551 อัลบั้มนี้เป็นการนำเพลงเก่ามา Cover ใหม่ โดยนำท่อนฮุคมาปรับให้เข้ากับเกิร์ลลี่เบอร์รี่ มีหลากหลายสไตด์ดนตรี ส่วนเรื่องเสื้อผ้าจะเน้นไปทาง Sport มากขึ้น เพื่อให้เข้ากับการเต้นที่เน้นหนักมากขึ้น และอัลบั้มนี้เรียกว่า “อัลบั้มเต้น” เลยก็ได้ เพราะมีเพลงช้าอยู่เพียง 3 เพลงเท่านั้นส่วนเพลงที่เหลือนั้นเป็นเพลงเร็วหมดทั้ง 7 เพลง
พ.ศ. 2552 หลังจากที่กระแสเกาหลีมาแรง ส่งผลแต่งตัวของเกิร์ลลี่เบอร์รี่ด้วย จึงทำให้เกิร์ลลี่เบอร์รี่ต้องเปลี่ยนลุค ใส่เสื้อผ้าแนวสีสดใสเน้นโทนสีชมพู ดนตรีสไตด์สนุกสนาน ท่าเต้นเบา ๆ เน้นจำง่าย การร้องที่เน้นใส่อารมณ์ความรู้สึกลงในเสียงเพลงมากขึ้น โดยเพลงประชาสัมพันธ์หลัก 3 เพลง คือ สวย เริ่ด เชิด..ยอม, ชอบเป็นของเธอ และไม่มีผู้ชายไม่มีน้ำตา และปลายปีเกิร์ลลี่เบอร์รี่ ได้มีโปรเจกต์พิเศษ Monkey Hero กับค่าย Kamikaze ร่วมกับ เขื่อน จงเบ และเคนตะ จาก เค-โอติก ในเพลง ถ้าเธอมีจริง (Unbelievable) ซึ่งเป็นเพลงในอัลบั้ม Free to Play ของเค-โอติก ที่เชิญสี่สาวเกิร์ลลี่เบอร์รี่มา Featuring และแสดงมิวสิกวิดีโอด้วย
พ.ศ. 2553 เกิดกระแสวิพากวิจารณ์เกี่ยวกับการแยกวงและการย้ายค่ายต้นสังกัด ของเกิร์ลลีเบอร์รี จนปลายปี แนนนี่และเบลล์ ก็ได้ออกซิงเกิล จะจีบก็บอกนะ Featuring เวย์ Thaitanium ส่วนกิ๊บซี่ก็มีอีกหนึ่งภารกิจคือละครเรื่องมงกุฎดอกส้ม โดยรับบทคุณนายที่4 เป็นสาวชาวเหนือ ชื่อคำแก้ว
พ.ศ. 2554 กิ๊บซี่และกิ๊ฟซ่า ได้ออกซิงเกิล I Like That Boy Featuring ขัน Thaitanium และวงได้ออกเพลง ขอได้ไหมผู้ชายของเธอ
พ.ศ. 2555 4 พฤษภาคม 2555 ได้ออกซิงเกิล Featuring ออกมา และในปีเดียวกันนั้น กิ๊ฟซ่า ถูกดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับ ทำให้กิ๊ฟซ่าต้องพักงาน 6 เดือน